samanloh.com ...... 10 ข้อความผิดพลาดที่นักธุรกิจออนไลน์บนโซเซียลมีเดียควรหลีกเลี่ยง

10 ข้อความผิดพลาดที่นักธุรกิจออนไลน์บนโซเซียลมีเดียควรหลีกเลี่ยง

10 ข้อความผิดพลาดที่นักธุรกิจออนไลน์บนโซเซียลมีเดียควรหลีกเลี่ยง post thumbnail image

เพื่อนๆสนุกกับการทำธุรกิจออนไลน์ไหมครับ…? สะดวกและง่ายในการสร้างธุรกิจ สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นนะครับ. แต่..เพื่อนๆรู้หรือเปล่าครับว่า ยังมีความผิดพลาดบางอย่างที่ผู้ค้าออนไลน์กำลังทำอยู่ทุกวัน…อาจจะเป็นเพราะความไม่รู้ตัวหรือไม่รู้จริงๆ…?
วันนี้ผมจะมาแบ่งปัน 10 ความผิดพลาดที่ผู้ค้าออนไลน์ในโซเซียลมีเดีย เพื่อที่ได้เป็นที่อ้างอิงสำหรับทุกท่าน. หวังว่ามันสามารถเพิ่มความยิ่งใหญ่ได้อีกให้แก่ธุรกิจของท่าน ไม่ว่าบน Facebook, Blog, Imstragram และสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ที่ท่านกำลังใช้อยู่.
ผมหวังว่าคงจะเป็นประโยชย์กับธุรกิจของท่านในยุคดิจิตอลไม่มากก็น้อย.

 

1.โปรโมทโฆษณามากเกินไป หรือไม่โปรโมทโฆษณาเลย
เพื่อนๆคงได้เห็นแล้วไหมครับมีนักธุรกิจมากมายที่ชอบลงโปรโมทขายสินค้าในโซเซียลมีเดีย. เมื่อไหร่ที่เราแค่เปิด facebook หรือ instagram , บนไทม์ไลน์ของเราจะเจอรูปภาพต่างๆ การค้าขายมากมายจากนักธุรกิจออนไลร์เหล่านั้น.
คุณรู้สึกบาทตาไหมครับ.หรือคุณก็เป็นอีกคนหนึ่งชอบทำแบบนั้น ทุกๆครั้งที่อัพโหลดโพสรูปภาพบน Facebook หรือ instragram
เมื่อท่านมีธุรกิจ, มีสื่อสังคมออนไลน์ แต่ไม่ใช้เครื่อมือเหล่านั้น เพื่อทำการโปรโมทสินค้าของท่าน นั้นก็เป็นอีกหนึ่งความผิดพลาดเช่นกัน.
คุณใช้สือโซเซียลเหล่านั้นเพื่อเป็นการส่วนตัว, เลยไม่ได้แนะนำสินค้าเหล่านั้นให้กับเพื่อนๆของคุณ.
หรือคุณทำการโปรโมทธุรกิจของคุณโดยผ่านโซเซียลมีเดียแค่ “บางครั้งบางคราว” ตัวอย่างเช่น, เมื่อใดที่คุณมีอารมณ์ที่จะอัพเดดสินค้าของคุณบนโซเซียลมีเดีย, คุณก็จะทำการอัพเดด…แต่เมื่อคุณรู้สึกไม่มีอารมณ์ที่อยากอัพเดด, คุณก็ไม่อัพเดดเลย.

2.ไม่มีวางแผนธุรกิจออนไลน์
เมื่อเพื่อนๆทำการค้าขายบนโซเซียลมีเดีย. เราต้องมีการวางแผนด้วยครับว่า เวลาไหนที่จะโปรโมทสินค้า, เมื่อไหร่ที่จะลงคำคมสร้างแรงบันดาลใจ, เมื่อใดที่ต้องแบ่งปันทิปเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ต่างๆ เป็นต้น เพราะมันสามารถช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการโพสต์ซ้ำๆในเรื่องเดิม และไม่ใช่เอาเวลา 24 ชั่วโมงเอาแต่โพสต์รูปสินค้ามากมายของเรา คุ้นๆไหมครับเพื่อน อิอิ

นอกจากนั้น, หากเพื่อนๆทำธุรกิจโดยไม่มีการวางแผน, แน่นอนเราจะไม่รู้เลยว่าจะทำการค้าขายสินค้าอะไรดี.
ตัวอย่าง เช่น, เราจะกลายเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าทั้งหมด. เมื่อมีสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยม เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพ, เราก็จะขายสิ่งค้าเพื่อสุขภาพด้วย, เมื่อกระแสเงียบสงบ, เราก็จะไปหาสินค้าอื่นมาขายๆ ต่อ เช่น ขายผ้าคลม ขายเสื้อ หรือ ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม.

นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าแม่ค้าที่นำสินค้าทั้งหมดมาขายบนสื่อสังคมออนไลน์ของพวกเขา เช่น สินค้าเพื่อความงาม, สุขภาพ, และเครื่องแต่งกาย, พวกเขาคิดว่าการขายสินค้ามากมายแบบนี้ เขาจะได้ผลตอบแทนเทียบเท่ากับจำนวนกับจำนวนของสินค้าที่เขาวางจำหน่าย, แต่ส่วนมากนักธุรกิจที่ประสปความสำเร็จมากมายนั้น เขามีผลิตภัณฑ์แค่ตัวเดียวเท่านั้น.

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องโฟกัสจดจ่อและมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของเรา และเราจะได้ในสิ่งที่เราโฟกัสเท่านั้น.

3.จดจ่อแต่เนื้อหาและวิธีเดิมๆ
นักธรกิจออนไลน์จำนวนไม่น้อยที่ยังคงใช้เพียงแค่วิธีเดียวเท่านั้นในการทำการตลาดสินค้าของเขาบนโซเซียลมีเดีย.
หากสินค้าเหล่านั้นไม่ได้รับการตอบรับจากผู้คน, พวกเขาก็จะไม่ลองที่จะทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆอีกเลย.
เพื่อนๆก็คงจะไดยินบ่งแล้วว่า “ทำไมต้องใช้หลายๆโซเซียลมีเดียละ ทั้งๆที่มีแค่หนึ่งโซเซียลฯก็ไม่มีเวลาที่มาเล่นแล้ว”
ซึ่งจริงๆแล้ว, มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเอง ถ้าหากว่ามีสือสังคมออนไลน์อย่าง Facebook ก็เพียงพอแล้วที่จะให้ผลกำไรแก่คุณอย่างมากมายแบบเต็มกระเป๋าเลย, ก็จงใช้มันเถิดครับ… แต่ถ้าหากว่ามันไม่ได้ช่วย, และธุรกิจของคุณก็ยังคงแค่เพียงพอกินพอใช้, ก็น่าจะลองมองหาช่องทางอื่นๆบ้างก็คงจะมากๆเลยครับ.
ลองคิดดูนะครับว่า คุณแค่ต้องการผลกำไรแบบพอกินพอใช้อย่างนั้นจริงๆนั้นหรือ?

4.ไม่ค่อยมีการปฏิสัมพันธ์ (ความสัมพันธุ์)
นักธุรกิจออนไลน์ส่วนมากไม่ค่อยได้มีปฎิสัมพันธุ์กับลูกค้าของเขาเท่าไหร่นัก.
ยกตัวอย่างเช่น ในการใช้มือถือเล่น Line และ Facebook หากมีลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังของเขามีข้อสงสัย…หรือคำถาม พวกเขาไม่ตอบกลับ.
หากลูกค้าได้ inbox หรือ ไลน์ในเวลากลางคืน และถ้าเป็นการรบกวนเวลาของคุณอยู่กับครอบครัว คุณสามารถตอบรับในตอนเช้าก็ได้ อย่าลืมนะครับ.
นักธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่ต้องการแค่คนเข้ามากด Like กด Share เพจของเขามากๆเท่านั้น, แต่เขาไม่ชอบที่จะไปกด Like กด Share เพจของคนอื่นเลย.
ในฐานะที่เราเป็นนักธุรกิจออนไลน์, ความสัมพันธุ์ระหว่างเรากับลูกค้าและคู่ค้าคนอื่นๆก็มีความสำคัญไม่น้อยเช่นกันนะครับ เช่น การกด Like กด Share และการแสดงความคิดเห็นบนหน้าเพจของพวกเขาด้วย.
ลองคิดดูนะครับว่า หากเราไม่กด Like กด แชร์ หรือ แสดงความคิดเห็นเพจของพวกเขา, และจะให้เขามากด Like กด แชร์ โต้ตอบกับคุณได้อย่างไร.

5.ไม่วางแผนธุรกิจ
เมื่อคุณทำธุรกิจออนไลน์บนสื่อสังคมออนไลน์, คุณจะต้องมีแผนในการทำงานเหมือนๆการทำแบบออนไลน์เช่นกัน, คุณต้องวางแผนว่าเมื่อบ้างเมื่อไหร่ที่จะต้องโปรโมทสินค้า, เมื่อไหร่จะลงคำคม,บทความสร้างแรงบันดาลใจ, เมื่อไหร่ที่จะต้องโพสต์ทิปต่างๆ เป็นต้น. อันนี้ก็เพื่อให้หลีกเหลี่ยงการโพสต์แต่สิ่งเดิมๆ และ24 ชั่วโมงโพสต์แต่ผลิตภัณฑ์ของคุณ.
นอกจากนี้, ถ้าเราทำธุรกิจออนไลน์โดยปราศจากการวางแผนที่ดี, เราก็จะไม่รู้เลยว่าจะต้องทำการตลาดสินค้าอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง เช่น, คุณเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกตัวเลย, เมื่อใดที่มีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยม เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพ, คุณก็จะขาย ขาย สินค้าเหล่านั้นด้วยความมุ่งตั้งใจ, และเมื่อหมดความนิยมไป, คุณก็จะมองหาสินค้าตัวใหม่มาขายต่อ เช่น เสื้อผ้า หรือผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยความงาม เป็นต้น.

สมัยนี้แม่ค้าพ่อค้าสมัยใหม่ที่เปลี่ยนขายสินค้าบนสื่อสังคมออนไลน์ ตั้งแต่ สินค้าความสวยความงาม, สินค้าเพื่อสุขภาพ,และเครื่องแต่กายต่างๆ เพราะพวกเขาคิดว่า หากขายสินค้ามากมายหลายชนิด, ก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำทีเดียว, แต่จริงๆแล้ว นักธุรกิจออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จนั้นเขามีสินค้าแค่หนึ่งผลิตภัณฑ์เท่านั้นเองนะครับ.
ที่สำคัญก็คือ…คุณโฟกัสและจดจอและมุ่งมั่นกับสินค้าและผลิตภัณฑ์ของคุณมากน้อยแค่ไหน…

6.ใช้ hashtag (#) ผิดวิธี
นักธุรกิจออนไลน์หลายคนที่ใช้ hashtag (#) ผิดวิธีในการทำการตลาดบนสื่อสังคมออนไลน์ของเขา. ยกตัวอย่าง เช่น คุณขายเสื้อโปโล หรือผ้าพันคอ แต่คุณ hashtag (#) ว่า #ฉันปวดหัว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันไม่เหมาะสมหรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณเลย.

บางคนชอบฉวยโอกาสในการใช้ hashtag(#) โดยตามเทร์นที่กำลังดังและเป็นที่นิยม. เมื่อคุณทำธุรกิจบนโซเซียลมีเดีย, จงใช้เถิดครับ hashtag(#) ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ.

คุณไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ hashtag(#) อะไรมากมายหรอกครับ แค่ทำให้มันเหมาะสมกับธุรกิจของคุณแค่นั้นเองไม่ว่า บน Facebook, Blog, หรือ Instragram.

ถึงแม้ว่าเทคนิคต่างๆเหล่านี้มันทำให้คุณง่ายในการโปรโมทผลิตภัณฑ์ของคุณก็ตาม, แต่มันก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งครับ. ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าเราใช้ hashtag (#) คำว่า #กำลังเศร้าอยู่บนศาลา แต่เราอัปโหลดรูปภาพที่กำลังสนุกสนานกัน, คุณคิดว่า มันเหมาะสมไหมครับกับ hashtag (#)ดังกล่าว.

7.ใช้ร่วมกันระหว่างบัญชีส่วนตัวกับธุรกิจ
นักธุรกิจออนไลน์จำนวนมากที่ไม่มีบัญชีสำหรับธุรกิจของเขา. พวกเขามักจะใช้สื่อสังคมออนไลน์ร่วมกันระหว่างส่วนตัวและธุรกิจ.

ยกตัวอย่างเช่น, การใช้ Facebook เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัวและเพื่อธุรกิจ. และในฐานะที่เราเป็นนักธุรกิจออนไลน์, เราต้องสร้างเพจทางการเฉพาะธุรกิจ. ลูกค้าเราก็จะได้ติดตามสินค้าที่เรากำลังขายนั้นได้ง่ายขึ้น จริงไหมครับ เพื่อนๆ.
เพื่อนๆเคยเปิด Facebook ของคนอื่นๆที่ขายสินค้า…เพื่อที่จะซื้อสินค้าของเขาบางไหม, แต่เราต้องใช้เวลานานมากในการค้นหาสินค้า เพราะมีทั้งรูปสินค้าและรูปส่วนตัว, รูปครอบครัว…ของเขา ผสมกับโพสต่างๆของพวกเขา…?
หรือว่าเพื่อนๆก็กำลังทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน…อิอิ

8. ไม่กำหนดกลุ่มเป้าหมาย
ก่อนที่เพื่อนๆจะเปิดบัญชีสื่อสังคมออนไลน์เพื่อธุรกิจ, เพื่อนๆต้องรู้ก่อนนะครับว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา, เพราะมันทำให้เราง่ายในการที่จะดึงดูดความสนใจของพวกเขาเพื่อมาใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา, ใช่มั้ยครับ.

ก่อนอื่นนะครับ,เพื่อนๆต้องทำการสำรวจสถานะของตลาดธุรกิจของเราดูก่อนว่าผลิตภัณฑ์ไหนบ้างที่เป็นทางเลือกของลูกค้าและเป็นความต้องการของลูกค้า. ถ้าเราทำแผนนี้, เราก็จะงายขึ้นในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดของธุรกิจเรา.
9.Private บัญชีโซเซียลมีเดีย
ลองเพื่อนๆ คิดดูสิครับว่า เมื่อเราต้องการซื้อสินค้าสักตัวหนึ่ง, แต่คนที่ขายสินค้านั้นได้ Private บัญชีของเขา, จุดประสงค์อะไรหรอครับที่เรามาทำธุรกิจออนไลน์แต่เราปิดกั้น Private ธุรกิจของเรา.

นอกจากนี้ยังมีผู้ค้าออนไลน์บางคนที่ใส่เงื่อนไขมากมายในการทำธุรกิจออนไลน์ของเขา เช่น “รับเฉพาะออเดอร์ทางไลน์ เท่านั้น ไม่รับออเดอร์ทางโทรศัพท์” ซึ่งการทำแบบนี้มันทำให้ลูกค้าของเราลำบากใจครับ.

เพื่อนๆครับแล้วเราจะทำอย่างไรละเพื่อให้ธุรกิจออนไลน์ของเราประสบความสำเร็จ ถ้าหากตัวเราไม่ยอมรับความท้าทาย, ในการดำเนินธุกิจ?

10. ช้า…ตอบรับความคิดเห็นหรือคำถามช้าเกินไป
เพื่อนๆครับ หากเราสอบถามเกียวกับสินค้าตัวหนึ่งที่เราสนใจที่มีวางขายอยู่บนโซเซียลมีเดีย แต่เจ้าของร้านนั้นใช้เวลานานเกินไปในการตอบกลับ หรือ คอมเม้นเรา…
หรือหลายวันกว่าเขาจะตอบข้อความของเรา…

การที่เราทำธุรกิจบนโซเซียลมีเดียก็ต้องมีระบบเช่นกันนะครับ. เราต้องรู้ว่าหากเราตอบกลับช้า แน่นอน Reply time ของเราจะตกนะครับ
หวังว่าคงเข้าใจนะครับ….
ลองเรามามองหาวิธีการทำธุรกิจบนโซเซียลมีเดียเพื่อให้มันง่ายต่อการขยายธุรกิจของเรากันนะครับ.

ทิ้งคำตอบไว้

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง