5 ช่องทางค้าขายหลักของโลกนี้

ช่องทางที่ 1 ขายปลีก
เป็นธุรกิจแบบดั้งเดิมที่คนบนโลกนี้สมัยก่อนอยากทำอะไรก็เปิดร้าน เปิดร้าน และสมัยนี้ก็ยังคิดเปิดร้านกันอยู่ อยากจะเปิดร้านขายอาหารก็เปิด อยากขายสินค้าก็เปิด ขายสารพัดขาย
ข้อดีคือผู้คนทั่วไปรู้จัก และมันเริ่มต้นได้ง่ายที่สุด
ข้อด้อย คือ ไม่ท่านก็ลูกจ้างท่านจะต้องเสียเงินจ้าง ต้องมีคนเฝ้าร้าน และร้านจะต้องเปิดสม่ำเสมอทุกวัน ถ้าเปิดๆปิดๆ ลูกค้าจะหายไปเลย แล้วท่านอยากจะนั่งเฝ้าร้านตลอดชีวิตหรอ
ช่องทางที่ 2 ขายตรง
การตลาดส่งตรงจากไปรษณีย์ ขายของออนไลน์ก็เป็นขายตรง มันคือขายตรงๆผ่านช่องทางออนไลน์ โพสต์ขาย ถ่ายรูปขาย มีคนสั่งมาก็ส่งตรง แค่เปลี่ยนสื่อทางการตลาด
ถ้าขายตรงแบบดั้งเดิม ก็คือ ให้นึกภาพของสาวมิสทีน สาวเอวอน คนขายทัพเปอร์แวร์ หรือขายประกับ แบบนี้คือการขายตรง หรือขายเครื่องกรองน้ำที่ท่านเคยเห็นเขาเคาะประตูตามบ้าน
ใครก็ตามที่คิดว่าจะทำธุรกิจขายตรง เพื่อให้มีชีวิตอิสระ เขาจะไม่ได้มัน เพราะเขาจะได้รับค่าคอมมิสชั่นและสินค้าราคาต่ำและก็ขายไปในราคาที่สูงกว่าและก็ทำรายได้จากส่วนต่างนั้น
แต่เขาจะต้องขาย ถ้าเขาไม่ขาย เขาจะไม่มีรายได้ พลังทวีน้อยมาก
ช่องทางที่ 3 การตลาดหลายชั้น การตลาดเครือข่าย – MLM
ย่อมาจากคำว่า Multi-Level Marketing
แปลว่าการตลาดหลายชั้น แต่จริงๆแล้วเราควรจะเรียกว่าการตลาดหลายรุ่นมากกว่า เพราะว่าจากรุ่นแรกมี 1 คน รุ่นที่ 2 มี 2 คน รุ่นที่ 3 มี 4 คน รุ่นที่ 5 มี 16 คน ลึกลงไปเรื่อยๆแบบทวีคูณอย่างนี้ นี่คือการตลาดที่เรียกว่าของยุคศตวรรตใหม่เลยที่เดียว
ปัจจุบันนี้การตลาดแบบเครือข่าย หรือ MLM นั้นใหญ่มาก มีมูลค่าเป็นหมื่นๆแสนๆ ล้านบาทต่อปี
แต่คนจำนวนมาก มากกว่า 95-97 % ที่อยู่ในธุรกิจเครือข่ายเขาก็ยังไม่เข้าใจมัน แล้วคน 100% ที่ไม่ได้อยู่ในตลาดแบบนี้ ไม่ได้อยู่ในธุรกิจ MLM เป็นเพราะว่าเขาไม่เข้าใจในธุรกิจ หรือ เข้าใจมันผิดๆ
แต่ถ้าใครเข้าใจการตลาดแบบเครือข่ายหรือ MLM แล้ว เขาเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในการตลาดนี้แล้วทำเต็มที่ภายใน 6 เดือน – 3 ปี แล้วมีชีวิตอิสระไปเลยเพราะมันมีสูตร มีวิธีในการทำที่ใครก็ตามทำแบบนี้แล้วทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ 3 ปี ชีวิตเขาจะไม่เหมือนเดิม
ผมบอกเลยว่ามันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น และในยุคปัจจุบันการตลาดเครือข่าย การตลาดหลายชั้นแบบ MLM นี้ทำง่ายมาก ง่ายกว่าเดิมมากๆ หลายเท่า มันคือช่องทาที่ทรงพลังที่สุดอันดับหนึ่งของโลก
ช่องทางที่ 4 การตลาดออนไลน์
การตลาดออนไลน์ ช่วยให้ท่านนั้น สามารถสื่อสารไปถึงผู้บริโภคจำนวนมากๆได้ ด้วยการใช้พลังทวีของอินเตอร์เน็ต มันคือมีพลังทวีที่สุดยอดและทรงพลังมากๆ
แต่มันมีข้อด้อยตรงที่ว่า รายได้ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดแบบทวีคูณ ถ้าท่านมีระบบที่ทรงพลังในการที่จะเซตอัพระบบธุรกิจออนไลน์ให้มันมีรายได้เติบโตแบบทวีคูณแล้วละก็ มันไม่แตกต่างจากการขายตรงจากข้อที่ 2 เลย
และคนในโลกนี้มากกว่า 90-95% ไม่เข้าใจการตลาดออนไลน์ คิดว่าการสมัครทำธุรกิจแล้วโพสต์ขายของในอินเตอร์เน็ตมันคือการตลาดออนไลน์ มันก็ใช่นะ แต่มันเป็นแบบ Basic มากๆ
ช่องทางที่ 5 พีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่
คือช่องทางที่คนนั้นอยากรวยเร็วๆ เขาจะงัดมันออกมาใช้ ออกมาทำ มันคล้ายกับ MLM มาก พูดง่ายๆก็คือมันลอกธุรกิจ MLM มาเลย
แต่ทำไมธุรกิจแบบนี้จึงถูกตีความหรือถูกตำรวจจับหรือถูกคนฟ้อง ว่าเป็นพีระมิด เป็นแชร์ลูกโซ่ เป็นธุรกิจที่หลอกลวงผู้คน ธุรกิจที่รับการฟันธงว่าเป็นพีระมิดเพราะธุรกิจเหล่านี้ล้มเหลวในการเคลื่อนไหวสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค แต่การตลาดเครือข่ายหรือ MLM ที่เวิร์คนั้นจะต้องมีการเคลื่อนสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค
รูปแบบธุรกิจทั่วไป
เจ้าของแบรนจะสร้างสินค้าอะไรออกมา เขาก็จะลงทุนใหญ่ เช่นรองเท้าไนกี้ อดิดาส เขาทำมา 10,000 คู่ ส่งเข้าไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ก็จะมียี่ปั๊ว หรือว่าพ่อค้าคนกลางมารับไป เราเรียกว่า Distributors ผู้กระจายสินค้า แล้วก็ส่งไปที่เฮลสโตว์ ไปเซนทรัล ไปร้านขายเครื่องกีฬา
ซึ่งรองเท้าที่ออกมาจากโรงงานราคาคู่ละ 200-500 บาท แต่ขายให้เราคู่ละ 2,000-35,000 ราคาเพิ่มขึ้น 10 เท่า เพราะว่ามันต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เขาต้องมีการเสียค่าเดินทาง ดีเทลสโตว์ต้องเสียค่าเช่า เขาเลยต้องบวกราคา
เพราะฉะนั้นทุกท่านดูสิครับว่าในฐานะที่เราเป็นผู้ซื้อปลีก เราคือผู้แบกภาวะทุกอย่าง และพ่อค้าคนกลางคือคนที่ทำเงินมากที่สุด เจ้าของแบรนขายคู่ละ 200 – 300 พ่อค้าคนกลางกว่าจะอามาส่งถึงดีเทลสโตว์ ราคาบวกมาแล้ว 10 เท่า
เรามาดูการตลาดเครือข่าย การตลาดเครือข่ายก็คือ บริษัทเหมือนกัน สร้างผลิตภัณฑ์ ออกมาคุณภาพดีเหมือนกันแต่เลือกที่จะไม่ใช้วิธีการทำการตลาดแบบเดิมๆคือ ส่งให้นายหน้า หรือ จ้างดาราดัง
ไม่ว่าจะเครือข่ายมือถือ หรือสินค้าอะไรที่จ้างดารามาท่านว่าดาราเหล่านั้นส่วนมากใช้สินค้านั้นไหม ท่านก็รู้ว่าเขาไม่ได้ใช้หรอก บริษัทเหล่านี้จ่ายให้เขา 10 ล้านแล้วก็เอาเงินค่าโฆษณาไปบวกในราคาสินค้าเรียบร้อยแล้ว เขาถึงยิงโฆษณากันสารพัดในทีวี แล้วท่านก็มาซื้อในราคาที่แพงที่สุด
แต่บริษัทเครือข่ายไม่ต้องจ่ายเงินให้กับดาราเหล่านั้น เพราะดาราเหล่านั้นไม่ได้ใช้สินค้าของบริษัท แต่เขาจ่ายให้กับ Affiliate หรือว่าตัวแทนที่ใช้สินค้าบริษัทนี้ด้วย แล้วก็ส่งต่อสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค เขาก็เลยรับค่าคอมมิชั่นจากบริษัทนี้โดยตรงโดยไม่ผ่านยี่ปั๋ว ชาปั๋ว โดยเอาเงินนั้นทั้งหมดจ่ายให้กับ Affiliate.