เห็ดหลินจือสามารถยับยั้งและต่อสู้กับโรคโคโรนาไวรัส (โควิด-19) ได้หรือไม่?

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรค COVID-19 เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคที่มุ่งเป้าหมายไปที่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์เราเป็นส่วนใหญ่ครับ. จนถึงวันนี้ ยังไม่มีการระบุวิธีการรักษาที่จำเพาะเจาะจงสำหรับการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้.
มีสารธรรมชาติเช่นสมุนไพรและเห็ดหลินจือ ที่เคยได้แสดงให้เห็นทั้งฤทธิ์ในการต้านไวรัสและต้านการอักเสบที่ดีก่อนหน้านี้. ดังนั้นความเป็นไปได้ของสารธรรมชาติเหล่านี้เป็นการยับยั้งและต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้าน COVID-19 อาจดูมีความหวัง.
เห็ดหลินจือเป็นเห็ดทางการแพทย์ ที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย. พลังของเห็ดหลินจือได้รับการยอมรับและถูกใช้มานานมากกว่า 2000 ปีแล้วนะครับ.โดยเฉพาะ ในตำรายาการแพทย์แผนจีน. เห็ดหลินจือ เป็นเสมือนโรงงานผลิตขนาดเล็กๆของระบบธรรมชาติที่พระเจ้ามอบให้เรามา, มันอุดมไปด้วยองค์ประกอบที่แปลกใหม่มากมาย เสมือนห้องทดลองที่กว้างใหญ่ที่ท้าทายสำหรับนักวิจัยรุ่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง.
ซึ่งในปัจจุบันมีผลการวิจัยจากนานาชาติ ทั้งญี่ปุ่น อเมริกา และเกาหลี ยืนยันแล้วว่า เห็ดหลินจือ สามารถ“ เสริมภูมิคุ้มกัน ถึงระดับเม็ดเลือดขาว” ได้จริงครับ. ผลการวิจัยเห็ดหลินจือมีสรรพคุณทางยาที่ดีที่สุดในบรรดาเห็ดทางการแพทย์. ซึ่งมีสารออกฤทธิ์สำคัญๆมากกว่า 400 ชนิดด้วยกัน. และจากการศึกษาทางเภสัชกรวิทยาของนักวิชาการหลายประเทศที่ได้ทำการวิจัยเห็ดหลินจือกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งพบทั้งฤทธิ์ใน การต่อต้านมะเร็ง, การรักษาอาการแพ้,การบำรงตับ, การกำจัดพิษ, การใช้กับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, การลดไขมันในเลือด, การบรรเทาปวด, ลดการอักเสบ, การชลอความแก่ ไปจนกระทั่งการสร้างภูมิกันโรค.
การเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคเป็นที่สนใจของนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์มานาน เพราะมันมีบทบาทสำคัญที่สุดในการต่อต้านเชื้อไวรัส และการต่อต้านโรคมะเร็ง. ด้วยเหตุนี้,ในส่วนตัวของผู้เขียนจึงใช้เห็ดหลินจือในการบำรุงร่างกาย, เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายตนเอง, เพราะคิดว่าอำนาจของทีมวิจัยมนุษย์เรากว่าจะผลิตยาต้านโควิดได้นั้นต้องใช้เวลาประมาณ 5 - 10 ปีเลยทีเดียวครับ.
ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่นำเห็ดหลินจือ มาใช้เป็นอาหารเสริมบริสุทธิ์เพื่อบำรุงร่างกาย, แต่ก็มีข้อควรระวังเป็นพิเศษนะครับ เช่น ขั้นตอนการผลิต, ปริมาณการบริโภค, แห่ลงที่มาของวัตถุดิบ, และที่สำคัญที่สุด คือ อาการแพ้ เช่น ท้องเสีย, คอแห้ง, ผื่นคัน แต่มักจะดีขึ้นเองภายใน 2 ถึง 7 วัน. หากยังมีอาการข้างเคียงดังกล่าว แนะนำให้หยุดสัก 1 สัปดาห์ แล้วคอยลองมาเริ่มต้นทานใหม่ โดยเริ่มจากการทานในปริมาณน้อยๆ และค่อยๆเพิ่มปริมาณมากขึ้นได้ครับ.
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นนะครับ. การระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส หรือ โควิด-19 ในปัจจุบันยังเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องและรายละเอียดบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลง เมื่อมีข้อมูลใหม่ๆมา, ปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพหรือได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับการรักษา โรคโควิด19 ได้นะครับ. แม้ว่าการวิจัยจะยังดำเนินการต่อไป, แต่สำหรับตอนนี้ มาตรการการป้องกันนั้นที่ดีที่สุดที่เราทุกคนสามารถทำได้ ในการยับยั้งและต่อสู้กับ โรคโควิด-19 ได้นั้น ก็ คือมาตรการป้องกันตามมาตรฐานสากล, รวมถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม, การล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าของเราก่อนได้รับการล้างมือก่อนเสมอนะครับ.
ถึงแม้ปัจจุบัน ยังไม่มีการศึกษาโดยตรงเกี่ยวกับเห็ดหลินจือและโรคโควิด-19. ผู้เขียนเพียงแค่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์ด้านสุขภาพของเห็ดหลินจือ สำหรับผู้ที่สนใจและผู้ที่เกี่ยวข้องกับ โรคโควิด19 โดยตรงนะครับ. อย่างไรก็ตาม เรายังไม่สามารถสรุปได้ว่า เห็ดหลินจือนั้นสามารถยับยั้งและต่อสู้กับโรคโควิด19 ได้หรือไม่. เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีผลการวิจัยโดยตรงครับ.
หวังว่า, เห็ดหลินจือและสมุนไพรอื่นๆ น่าจะมีศักยภาพสูงที่จะกลายเป็นยาจริงจากพืชสมุนไพร เหมือนกับฝิ่น ที่สามารถมาสกัดเป็นยาแก้ปวด คือ มอร์ฟีน ซึ่งมีประโยชน์มากมายในทางการแพทย์และมนุษย์ชาติครับ.
หากท่านคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์โปรดแชร์แบ่งปันให้เพื่อนๆอ่านกันได้นะครับ.