samanloh.com ประวัติศาสตร์ นบีนุฮฺ(อะลัยฮิสสลาม): ศาสดาผู้มั่นคงและการต่อสู้กับกระแสน้ำแห่งศรัทธา

นบีนุฮฺ(อะลัยฮิสสลาม): ศาสดาผู้มั่นคงและการต่อสู้กับกระแสน้ำแห่งศรัทธา

นบีนุฮฺ(อะลัยฮิสสลาม): ศาสดาผู้มั่นคงและการต่อสู้กับกระแสน้ำแห่งศรัทธา post thumbnail image

นบีนูหฺ (อ.): ศาสดาผู้มั่นคงและการต่อสู้กับกระแสน้ำแห่งศรัทธา

ในประวัติศาสตร์อิสลาม มีศาสดาผู้หนึ่งที่ถูกอัลลอฮ์ (ซบ.) เลือกให้เป็นผู้นำทางและเชิญชวนมนุษยชาติสู่ความศรัทธาที่แท้จริง เขาคือ นบีนูหฺ (อะลัยฮิสสลาม) หรือที่เรียกกันว่าโนอาห์ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในศาสดาที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ศาสนา เรื่องราวของท่านถูกบันทึกไว้ในหลายส่วนของอัลกุรอาน เช่นในซูเราะฮ์ นูหฺ และซูเราะฮ์ ฮูด

นบีนูหฺ (อะลัยฮิสสลาม) ถือเป็นศาสดาคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง “อูลุลอัซม์” ซึ่งหมายถึงศาสดาผู้มีภารกิจอันยิ่งใหญ่ เขาได้รับคำสั่งจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ให้เผยแผ่ศาสนาและเชิญชวนมนุษยชาติให้กลับมาสู่การเคารพบูชาอัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียว โดยในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อันกะบูต โองการที่ 14 ได้กล่าวถึงความพยายามของนบีนูหฺที่เผยแผ่ศาสนาให้แก่กลุ่มชนของเขาเป็นเวลานานถึง 950 ปี:

وَلَقَدْ أَرْسَلْنَا نُوحًا إِلَىٰ قَوْمِهِ فَلَبِثَ فِيهِمْ أَلْفَ سَنَةٍ إِلَّا خَمْسِينَ عَامًا فَأَخَذَهُمُ الطُّوفَانُ وَهُمْ ظَالِمُونَ

“และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูหฺไปยังประชาชาติของเขา และเขาก็ได้พำนักอยู่ท่ามกลางพวกเขาเป็นเวลาพันปีเว้นแต่ห้าสิบปี (950 ปี)” (29:14)

การเผยแผ่ศาสนาและการเผชิญหน้ากับการต่อต้าน

ในยุคสมัยของนบีนูหฺ (อะลัยฮิสสลาม) ผู้คนต่างหลงทางจากทางแห่งอัลลอฮฺ (ซบ.) พวกเขาบูชาเจว็ดและรูปปั้น นบีนูหฺพยายามเรียกร้องให้พวกเขาหันกลับมาสู่การเคารพบูชาอัลลอฮ์เพียงองค์เดียว แต่กลับได้รับการปฏิเสธและการเยาะเย้ย ในซูเราะฮ์ นูหฺ โองการที่ 5-7 อัลลอฮ์ได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นของนบีนูหฺที่ไม่ยอมแพ้ต่อความดื้อรั้นของกลุ่มชนของเขา อัลลอฮฺ (ซบ.) ได้ทรงตรัส ในซูเราะฮ์ นูหฺ (71:5-7) ว่า :
قَالَ رَبِّ إِنِّي دَعَوۡتُ قَوۡمِي لَيۡلٗا وَنَهَارٗا

กฺอละ ร็อบบิ อินนี ดะเอฺาตุ เกฺอ์ามี ลัยเลา วะนะฮารอ

5. เขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ได้เรียกร้องเชิญชวนหมู่ชนของข้าพระองค์ทั้งกลางคืนและกลางวัน
فَلَمۡ يَزِدۡهُمۡ دُعَآءِيٓ إِلَّا فِرَارٗا

ฟะลัม ยะซิดฮุม ดุอฺาอี อิลลา ฟิรอรอ

6. แต่การเรียกร้องเชิญชวนของข้าพระองค์มิได้เพิ่มพูนสิ่งใดแก่เขานอกจากการหลบหนี

وَإِنِّي كُلَّمَا دَعَوۡتُهُمۡ لِتَغۡفِرَ لَهُمۡ جَعَلُوٓاْ أَصَٰبِعَهُمۡ فِيٓ ءَاذَانِهِمۡ وَٱسۡتَغۡشَوۡاْ ثِيَابَهُمۡ وَأَصَرُّواْ وَٱسۡتَكۡبَرُواْ ٱسۡتِكۡبَارٗا

วะอินนี กุลละมา ดะเอฺาตุฮุม ลิตัฆฟิเราะ ละฮุม ญะอฺะลู อะศอบิอฺะฮุม ฟี อาซานิฮิม วัสตัฆเชา ษิยาบะฮุม วะอะศ็อรรู วัสตักบะรุส ติกบารอ

7. และแท้จริงทุกครั้งที่ข้าพระองค์เรียกร้องเชิญชวนพวกเขาเพื่อที่พระองค์ท่านจะได้อภัยโทษให้แก่พวกเขา พวกเขาก็เอานิ้วมืออุดรูหูของพวกเขา และเอาเสื้อผ้าของพวกเขาคลุมโปง และพวกเขายังดื้อรั้น และหยิ่งยะโสด้วยความจองหอง

เรือแห่งความรอด: การทดสอบแห่งศรัทธา

เมื่อชุมชนของนบีนูหฺยังคงดื้อรั้น อัลลอฮฺ (ซบ.) จึงได้สั่งให้นบีนูหฺสร้างเรือขนาดใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการลงโทษมหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้น ชาวเมืองยังคงเยาะเย้ยและไม่เชื่อว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้น ในซูเราะฮฺ ฮูด โองการที่ 37-38 อัลลอฮฺได้ตรัสว่า:

وَٱصۡنَعِ ٱلۡفُلۡكَ بِأَعۡيُنِنَا وَوَحۡيِنَا وَلَا تُخَٰطِبۡنِي فِي ٱلَّذِينَ ظَلَمُوٓاْ إِنَّهُم مُّغۡرَقُونَ

วัศนะอฺิล ฟุลกะ บิอะอฺ์ยุนินา วะวะห์ยินา วะลา ตุคอฏิบนี ฟิล ละซีนะ เซฺาะละมู อินนะฮุม มุฆเราะกฺูน

37. และจ้าจงสร้างเรือภายใต้สายตาเราและตามคำบัญชาของเรา และอย่ามาพูดกับข้า ถึงบรรดาผู้อธรรม แท้จริงพวกเขาจะถูกจมน้ำตาย (11:37)
وَيَصۡنَعُ ٱلۡفُلۡكَ وَكُلَّمَا مَرَّ عَلَيۡهِ مَلَأٞ مِّن قَوۡمِهِۦ سَخِرُواْ مِنۡهُۚ قَالَ إِن تَسۡخَرُواْ مِنَّا فَإِنَّا نَسۡخَرُ مِنكُمۡ كَمَا تَسۡخَرُونَ

วะยัศนะอฺุล ฟุลกะ วะกุลละมา มัรเราะ อฺะลัยฮิ มะละอุม มิน เกฺอ์ามิฮี สะคิรู มินฮ์ ^ กฺอละ อิน ตัสเคาะรู มินนา ฟะอินนา นัสเคาะรุ มินกุม กะมา ตัสเคาะรูน

38. และเขาได้สร้างเรือ และคราใดที่บุคคลชั้นนำจากหมู่ชนของเขาผ่านเขา(นูหฺ) พวกเขาก็เยาะเย้ยเขา เขาก็จะกล่าวว่า หากพวกท่านเยาะเย้ยพวกเรา แท้จริงเราก็จะเยาะเย้ยพวกท่านเช่นเดียวกับที่พวกท่านเยาะเย้ย (11:38)

เมื่อถึงวันที่ท้องฟ้าครึ้ม ฝนตกหนัก และน้ำเริ่มท่วมแผ่นดิน ชุมชนที่ปฏิเสธก็ถูกทำลาย แต่ผู้ศรัทธาที่อยู่บนเรือรอดพ้นจากมหาอุทกภัย ซึ่งในซูเราะฮ์ ซอฟฟาต โองการที่ 76-82 ได้กล่าวถึงความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ต่อผู้ศรัทธาและนบีนูหฺ อัลลอฮฺ(ซบ.)ได้ตรัสว่า :

وَنَجَّيۡنَٰهُ وَأَهۡلَهُۥ مِنَ ٱلۡكَرۡبِ ٱلۡعَظِيمِ  76

วะนัจญ์ญัยนาฮุ วะอะฮ์ละฮู มินัล กัรบิล อฺะซฺีม

76. และเราได้ช่วยเขาและชุมชนของเขาให้พ้นจากทุกข์ภัยอันมหันต์

وَجَعَلۡنَا ذُرِّيَّتَهُۥ هُمُ ٱلۡبَاقِينَ  77

วะญะอฺัลนา ซุรรีย์ยะตะฮู ฮุมุล บากฺีน

77. และเราได้ให้ลูกหลานของเขายังคงมีชีวิตเหลืออยู่

وَتَرَكۡنَا عَلَيۡهِ فِي ٱلۡأٓخِرِينَ  78

วะตะร็อกนา อฺะลัยฮิ ฟิล อาคิรีน

78. และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ (เกียรติคุณ) แก่เขาในกลุ่มชนรุ่นหลัง ๆ

سَلَٰمٌ عَلَىٰ نُوحٖ فِي ٱلۡعَٰلَمِينَ  79

สะลามุน อฺะลา นูฮิน ฟิล อฺาละมีน

79. ความศานติจงมีแด่นูหฺในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย

إِنَّا كَذَٰلِكَ نَجۡزِي ٱلۡمُحۡسِنِينَ  80

อินนา กะซาลิกะ นัจญ์ซิล มุห์สินีน

80. แท้จริง เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย

إِنَّهُۥ مِنۡ عِبَادِنَا ٱلۡمُؤۡمِنِينَ  81

อินนะฮู มิน อฺิบาดินัล มุอ์มินีน

81. แท้จริง เขา(นูหฺ) อยู่ในปวงบ่าวของเราผู้ศรัทธา

ثُمَّ أَغۡرَقۡنَا ٱلۡأٓخَرِينَ  82

ษุมมะ อัฆร็อกฺนัล อาเคาะรีน

82. แล้วเราได้ให้พวกอื่นจมน้ำตาย

เรื่องราวของนบีนูหฺ (อะลัยฮิสสลาม) ในอัลกุรอานไม่ได้เพียงสะท้อนถึงความศรัทธาและการอดทนของท่านต่อชุมชนที่ดื้อดึง แต่ยังเกี่ยวข้องกับปัญหาภายในครอบครัวของท่านด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของภรรยาและลูกชาย ซึ่งเป็นบทเรียนที่สอนถึงความสำคัญของการยึดมั่นในศรัทธาแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด

ภรรยาของนบีนูหฺ (อะลัยฮิสสลาม)

ในอัลกุรอาน อัลลอฮ์ (ซบ.) ได้กล่าวถึงภรรยาของนบีนูหฺในซูเราะฮ์ อัต-ตะห์รีม (66:10) โดยเปรียบเทียบกับภรรยาของนบีลูฏ (อะลัยฮิสสลาม) ซึ่งเป็นตัวอย่างของหญิงผู้ไม่เชื่อฟังอัลลอฮ์แม้ว่าพวกเธอจะเป็นภรรยาของศาสดาก็ตาม อัลลอฮฺ ทรงตรัสไว้ใน (ซูเราะฮ์ อัต-ตะห์รีม 66:10) ว่า:

ضَرَبَ ٱللَّهُ مَثَلٗا لِّلَّذِينَ كَفَرُواْ ٱمۡرَأَتَ نُوحٖ وَٱمۡرَأَتَ لُوطٖۖ كَانَتَا تَحۡتَ عَبۡدَيۡنِ مِنۡ عِبَادِنَا صَٰلِحَيۡنِ فَخَانَتَاهُمَا فَلَمۡ يُغۡنِيَا عَنۡهُمَا مِنَ ٱللَّهِ شَيۡـٔٗا وَقِيلَ ٱدۡخُلَا ٱلنَّارَ مَعَ ٱلدَّٰخِلِينَ

เฎาะเราะบัล ลอฮุ มะษะลัล ลิลละซีนะ กะฟะรุม เราะอะตะ นูฮิว วัมเราะอะตะ ลูฏ ^ กานะตา ตะห์ตะ อฺับดัยนิ มิน อฺิบาดินา ศอลิฮัยนิ ฟะคอนะตาฮุมา ฟะลัม ยุฆนิยา อฺันฮุมา มินัล ลอฮิ ชัยเอา วะกฺีลัด คุลัน นาเราะ มะอฺัด ดาคิลีน

10. อัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาถึงภริยาของนูหฺ และภริยาของลู๊ฏ นางทั้งสองอยู่ภายใต้การปกครองของบ่าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่าวของเรา แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อเขาทั้งสอง ดังนั้นเขาทั้งสองจึงไม่สามารถช่วยเขาทั้งสองให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺแต่ประการใด จึงมีเสียงกล่าวขึ้นว่า เจ้าทั้งสองจงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับบรรดาผู้ที่เข้าไปในมัน.

ภรรยาของนบีนูหฺเป็นหนึ่งในผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และแม้ว่าเธอจะเป็นภรรยาของศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ แต่เธอไม่ได้ยอมรับในคำเชิญชวนสู่ศาสนาของเขา ดังนั้น เธอจึงไม่ได้รับการช่วยเหลือในมหาอุทกภัย และถูกลงโทษพร้อมกับผู้ที่ปฏิเสธอื่นๆ

ลูกชายของนบีนูหฺ (อะลัยฮิสสลาม)

อีกเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตของนบีนูหฺคือเรื่องของลูกชายของท่าน ซึ่งถูกกล่าวถึงในซูเราะฮ์ ฮูด (11:42-43) เมื่อนบีนูหฺได้เชิญชวนลูกชายของเขาให้ขึ้นเรือเพื่อหนีจากน้ำท่วม แต่ลูกชายของท่านได้ปฏิเสธ โดยเลือกที่จะพึ่งพาตัวเองและปีนขึ้นไปบนภูเขาแทนที่จะเชื่อฟังบิดาและยอมรับศรัทธาในอัลลอฮฺ อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ใน (ซูเราะฮ์ ฮูด 11:42-43) ว่า:
وَهِيَ تَجۡرِي بِهِمۡ فِي مَوۡجٖ كَٱلۡجِبَالِ وَنَادَىٰ نُوحٌ ٱبۡنَهُۥ وَكَانَ فِي مَعۡزِلٖ يَٰبُنَيَّ ٱرۡكَب مَّعَنَا وَلَا تَكُن مَّعَ ٱلۡكَٰفِرِينَ 42

วะฮิยะ ตัจญ์รี บิฮิม ฟี เมาญิน กัลญิบาลิ วะนาดา นูฮุนิบ นะฮู วะกานะ ฟี มะอฺ์ซิลี ยาบุนัยยัร กัม มะอฺะนา วะลา ตะกุม มะอฺัล กาฟิรีน

42. และมันแล่พาพวกเขาไปท่ามกลางคลื่นลูกเท่าภูเขา และนูหฺได้ร้องเรียกลูกชายของเขาซึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว โอ้ลูกของฉันเอ๋ย จงมาโดยสารเรือกับเราเถิด และเจ้าอย่าอยู่ร่วมกับผู้ปฏิเสธศรัทธาเลย

قَالَ سَـَٔاوِيٓ إِلَىٰ جَبَلٖ يَعۡصِمُنِي مِنَ ٱلۡمَآءِۚ قَالَ لَا عَاصِمَ ٱلۡيَوۡمَ مِنۡ أَمۡرِ ٱللَّهِ إِلَّا مَن رَّحِمَۚ وَحَالَ بَيۡنَهُمَا ٱلۡمَوۡجُ

فَكَانَ مِنَ ٱلۡمُغۡرَقِينَ 43

กฺอละ สะอาวี อิลา ญะบะลี ยะอฺ์ศิมุนี มินัล มาอ์ ^ กฺอละ ลา อฺาศิมัล เยามะ มิน อัมริล ลาฮิ อิลลา มัร เราะฮิม ^ วะฮาละ บัยนะฮุมัล เมาญุ ฟะกานะ มินัล มุฆเราะกฺีน

43. เขา(ลูกชาย) กล่าวว่า ฉันจะไปอาศัยภูเขาลูกหนึ่ง มันจะคุ้มครองฉันจากน้ำนี้ได้ เขา(นูหฺ) กล่าวว่า ไม่มีผู้ใดคุ้มครองในวันนี้จากพระบัญชาของอัลลอฮฺ เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงเมตตา และคลื่นได้ซัดเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง และเขา(ลูกชาย) ได้อยู่ในหมู่ผู้จมน้ำ

ลูกชายของนบีนูหฺเลือกที่จะไม่เชื่อฟังบิดาและปฏิเสธคำเตือนของอัลลอฮฺ แม้จะมีโอกาสที่จะรอดชีวิตจากมหาอุทกภัย แต่เขายังคงปฏิเสธและสูญเสียชีวิตไปเพราะการดื้อดึงของเขา.

บทเรียนจากเรื่องราวของนบีนูหฺ (อะลัยฮิสสลาม) เป็นตัวอย่างที่สอนให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของศรัทธาและการยึดมั่นในคำสอนของอัลลอฮฺ แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในครอบครัว แต่ศรัทธานั้นยังคงเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่สามารถบังคับกันได้ ไม่ว่านบีนูหฺ (อะลัยฮิสสลาม) จะเป็นศาสดาผู้ยิ่งใหญ่เพียงใด ท่านก็ไม่สามารถช่วยเหลือภรรยาและลูกชายของท่านให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้ หากพวกเขาไม่ยอมรับและปฏิเสธศรัทธา.

เรื่องราวนี้สอนให้เราเข้าใจว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือสถานะในสังคมไม่สามารถใช้แทนที่ความเชื่อและการยอมรับในพระบัญชาของอัลลอฮฺได้ ผู้ที่ปฏิเสธไม่ว่าจะเป็นใคร ย่อมเผชิญกับผลของการกระทำของตน แม้จะใกล้ชิดกับนบีผู้ที่อัลลอฮฺทรงเลือกให้เป็นร่อซู้ล (ศาสนทูต) เพียงใด.

บทเรียนสำคัญคือ ความศรัทธาที่แท้จริงต้องมาจากภายใน แม้คนรอบตัวเราจะไม่เห็นด้วยหรือปฏิเสธ เราก็ต้องยึดมั่นในความถูกต้องตามหลักคำสอนของอัลลอฮฺ เพราะการเชื่อฟังและยึดถือในความจริงนี้จะนำพาเราไปสู่ความรอดในท้ายที่สุด เหมือนกับที่นบีนูหฺและผู้ศรัทธารอดพ้นจากน้ำท่วมใหญ่ การปฏิเสธหรือดื้อดึงกับพระบัญชาของอัลลอฮฺย่อมไม่อาจนำไปสู่ความปลอดภัยได้.

ดังนั้น เรื่องราวของนบีนูหฺ (อะลัยฮิสสลาม) เตือนเราให้ระวังในการเลือกทางเดินของเรา และให้ยึดมั่นในความถูกต้อง แม้ว่าคนใกล้ชิดจะไม่เห็นด้วยก็ตาม.

เรียนรู้เกี่ยวกับท่านนบีอาดัม (อ.ล.)…อ่านต่อ >>

ทิ้งคำตอบไว้

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง